วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

มาทบทวนความรู้เรื่อง เห็ดหลินจือ....กันเถอะ


                                                  
        เห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่มีผู้นิยมใช้ในการบำบัดและป้องกันโรค ทั้งใช้บำรุ่งร่างกาย มานานกว่า 4,000 ปี หลินจือที่พบทั่วโลก
มีมากกว่า 2,000 ชนิด แต่มีประมาณ 200 ชนิดที่สามารถรับประทานได้โดยปลอดภัยและเป็นที่นิยมอย่างสูงในจีน ญี่ปุ่น อเมริกา ทั้งยังได้แพร่กระจายไปทั่วโลก ตำราแพทย์แผนจีนได้แบ่งสมุนไพรออกเป็น 3 กลุ่ม คือ สมุนไพรชั้นสูง ชั้นกลางและชั้นต่ำ   
        สมุนไพรชั้นสูงเป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและฟื้นฟูความผิดปกติต่าง ๆ ของร่างกายได้หลากหลาย มากมายหลายระบบ ซึ่งมีสมุนไพรไม่กี่ชนิดที่อยู่ในกลุ่มนี้ และเห็ดหลินจือคือหนึ่งในนั้น โดยสามารถแบ่งกลุ่มตามลักษณะการออกฤทธิ์ทางยาได้ 4 กลุ่มใหญ่ ดังนี้





           เป็นคาร์โบไฮเดรต โครงสร้างโมเลกุลใหญ่ ซึ่งสารที่โดนเด่นที่สุดในกลุ่มนี้คือ เบต้า-ดี กลูแคน (ฺBata-D Glucan) เป็นสารที่ช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแกร่งดังเดิม เบต้า-ดี กลูแคน มีโครงสร้างโมเลกุลที่ซับซ้อน และมีโมเลกุลมาต่อกันยาวมาก ซึ่งบางท่านไม่สามารถย่อยได้ก็จะมีอาการท้องเสีย ในกรณีเช่นนี้ควรรับประทานพร้อมกับอาหารที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง เพราะวิตามินซีจะช่วยย่อยเบต้า- ดี กลูแคน ให้มีโมเลกุลเล็กลงพร้อมแก่การดูดซึม ซึ่งจะช่วยลดอาการท้องเสียได้ โดยเบต้า-ดี กลูแคน มีประโยชน์คือ 1.กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอก 2. ลดระดับน้ำตาลในเลือด 3. บำรุงหัวใจ 4.ต้านการอักเสบ 5. ช่วยเร่งกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน






          สารเยอร์มาเนี่ยมได้ชื่อว่าเป็นสารเพิ่มภูมิต้านทานแก่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ      
สารเยอร์มาเนี่ยมเป็นแร่ธาตุจำเป็น ที่ร่างการยต้องการในปริมาณเล็กน้อย แต่ก็ขาดไม่ได้ ถ้าขาดอาจเกิดความผิดปกติแก่ร่างกายขึ้นได้ สารเยอร์มาเนี่ยมออกฤทธิ์ระดับเซลล์ เพิ่มความสามารถของเซล์ในการปลดปล่อยพลังงานแก่ร่างกาย โดยเพิ่มปริมาณออกซิเจนแก่เซลล์ และทำให้เซลล์สามารถนำออกซิเจนไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ     




         เป็นสารรสขมซึ่งสามารถพบได้ในพืชทั่วไป แต่จะมีโครงสร้างที่แตกต่างกันตามชนิดของพืช ลักษณะโครงสร้างไตรเอทร์พินอยด์ของดอกเห็ดหลินจือ มีความโดดเด่นมาก ซึ่งมีผลดีต่อร่างกาย ดังนี้ เป็นสารต้านฮิสตามีน (Antihistamine) หรือแก้แพ้นั่นเอง ในผู้ที่เป็นภูมิแพ้ เม็ดเลือดขาวชนิด Mast cell ที่บริเวณผิวหนัง หลอดลม ปอด ทางเดินหายใจ เมื่อได้รับสารแปลกปลอมที่ทำให้แก้จะแตก และหลั่งสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งก็คือฮิสตามีน หรือสารอื่นๆ ไตรเทอร์พินอยด์จะจับกับฮิสตามีนทำให้อาการแพ้ทุเลาลงได้ การแพ้นั่นรวมถึงการแพ้อาหาร แพ้ยา แพ้อากาศ แพ้ฝุ่น แพ้ละอองเกศรดอกไม้ แพ้กลิ่น หอบ หืด ผื่นคันตามตัว บวม คัดจมูก หายใจไม่ออก หลอดลมหดเกร็ง และช่วยต้านพิษต่อตับ ซึ่งตับเป็นอวัยวะที่มีหน้าที่ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย แต่ถ้าตับเองได้รับสารที่เป็นพิษในปริมาณสูง ตับก็อาจเสียได้ เช่นไวรัสตับอักเสบ เหล้า ยาแก้ปวดลดไข้พาราเซตามอลในปริมาณสูงมาก ๆ สารรสขมนี้เมื่อร่างกายรับเข้าไปจะไปที่ตับก่อนและช่วยบำรุงเซลล์ตับ และช่วยลดความเป็นพิษของตับ จึงมีผลในการบำรุงตับนั่นเอง ช่วยลดความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคหัวใจ เบาหวาน ไตเสื่อม มักพบว่ามีอาการความดันโลหิตสูงร่วมอยู่ด้วย สารรสขมนี้สามารถปรับสมดุลของความดันโลหิตให้ลงมาสู่ปกติ แต่จะไม่ลงต่ำกว่าธรรมชาติ (200/80 ม.ม.ปรอท) เพราะความสามารถในการเป็นสารปรับสมดุล ( Adaptogen) นั่นเอง 
         ฉะนั้นหากผู้ใดมีอาการบวม ปวดศรีษะตื้อๆ บริเวณท้ายทอย ให้สงสัยว่าอาจมีความดันโลหิตสูง งดออกกำลังกายเด็ดขาด ต้องผักผ่อน งดเกลือ งดเค็ม งดผงชูรส สังเกตว่ามีอาการบวมที่หน้า เปลือกตา น่อง ให้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง ลดการอุดตันของคอเรสเตอรอล และไตรกลีเซอรไรด์ในหลอดเลือด การอุดตันดังกล่าว เป็นสาเหตุให้หัวใจขาดเลือด ( Myocardial infarction) และนิ่วในถุงน้ำดี สารรสขมนี้หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยลดการอุดตันในเส้นเลือดนี้ได้


             อะเดโนซิน เป็นสารที่มีโครงสร้างคล้าย RNA หรือ DNA ของเซลล์ร่างกาย เราเชื่อว่าอะเดโนซินสามารถเข้าไปในเซลล์ที่ผิดปกติของร่างกายและช่วยควบคุมไม่ให้เซลล์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวลง หรือผ่าเหล่า กลายเป็นเซลล์เนื้องอก อะเดโนซินยังเป็นสารตั้งต้นในการสร้างพลังงานของเซลล์ที่เรียกว่า ATP (Adenosine Tri Phosphate) ฉะนั้นอะเดโนซินจึงให้พลังงานแก่เซลล์ แก่เนื่อเยื้อ อวัยวะ และร่างกายตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีสารอื่นอีกมากมายในหลินจือ ซึ่งเป็นสารประกอบแร่ธาตุที่จำเป็นแก่ร่างกายอีกเป็นจำนวนมาก ได้แต่ วิตามิน เกลือแร่ กรดอะมิโน กรดไขมัน ใยอาหาร เอ็นไซม์และ
สารเออร์โกสเตอรอล

                                                                                              ที่มา : วารสาร เรื่องเล่าจากเห็ดหลินจือ  
                                                                                              บริษัท แด๊กซีน (ประเทศไทย) จำกัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น